ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม (Qualify NIPT)

การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมด้วยวิธี NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing)

เป็นกระบวนการที่ใช้ตัวอย่างเลือดจากมารดาเพื่อตรวจสอบความผิดปกติของโครโมโซมในทารก

โดยเฉพาะโครโมโซมคู่ที่ 21, 18, 13, X และ Y

ซึ่งมีความสำคัญในการประเมินความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติ เช่น ดาวน์ซินโดรม


การตรวจ NIPT มีความแม่นยำกี่เปอร์เซ็นต์


การตรวจ NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) มีความแม่นยำสูงในการคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซม

โดยเฉพาะดาวน์ซินโดรม ซึ่งมีความแม่นยำประมาณ **99%** ถึง **99.9%**

ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลและเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจ


การตรวจ NIPT เป็นวิธีที่มีความแม่นยำมากกว่าการตรวจคัดกรองประเภทอื่น

เช่น การตรวจแบบ Quadruple Test ที่มีความแม่นยำประมาณ 80-85%

และการตรวจอัลตราซาวด์ที่มีความแม่นยำประมาณ 60%


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการตรวจ NIPT จะมีความแม่นยำสูง

แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเป็น 100%

เนื่องจากทุกการตรวจสามารถเกิดความคลาดเคลื่อนได้เสมอ


รายละเอียดการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม (Qualifi NIPT)


1. ข้อมูลทั่วไป

- **ราคา**: เริ่มต้นที่ 13,859 บาท

- **ระยะเวลารับบริการ**: ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้ารับบริการในวันนั้น

- **ระยะเวลารอผลตรวจ**: ประมาณ 10 วันทำการ


2. เหมาะสำหรับใคร?

- ผู้หญิงตั้งครรภ์อายุ 35 ปีขึ้นไป

- มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับความผิดปกติของโครโมโซม

- อัลตราซาวด์พบว่าทารกอาจมีโครโมโซมผิดปกติ


3.สามารถตรวจได้จากอายุครรภ์เท่าไหร่?


การตรวจ NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) สามารถทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ **10 สัปดาห์** ขึ้นไป

โดยปกติจะแนะนำให้ทำการตรวจในช่วงอายุครรภ์ **10-16 สัปดาห์**

ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณ DNA ของทารกในเลือดแม่เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์


แม้ว่าจะสามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 6-7 สัปดาห์

แต่ในช่วงนี้อาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลตรวจที่ไม่แน่นอน (No-call result)

เนื่องจากปริมาณ DNA ยังไม่มากพอ


หลังจากอายุครรภ์ 16 สัปดาห์ก็ยังสามารถทำการตรวจได้

แต่ควรรีบดำเนินการ เนื่องจากหากผลตรวจพบความเสี่ยงสูง

จะต้องมีการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมซึ่งใช้เวลานาน


4. ขั้นตอนการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม (NIPT)


1. **การเตรียมตัวก่อนตรวจ**:

  - คุณแม่สามารถทำการตรวจได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 10 ของการตั้งครรภ์ เนื่องจากในช่วงนี้ DNA ของทารกเริ่มปรากฏในเลือดของแม่

  - ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการตรวจ NIPT ก่อนทำการตรวจ


2. **การเจาะเลือด**:

  - การตรวจ NIPT จะใช้วิธีเจาะเลือดจากแม่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องมีขั้นตอนที่เสี่ยงเช่น การเจาะน้ำคร่ำ

  - การเจาะเลือดจะใช้เวลาสั้นและไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน.


3. **การวิเคราะห์ผล**:

  - ผลการตรวจจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันในการออกผล

  - ผลจะถูกแบ่งเป็นสองประเภทหลัก: ความเสี่ยงต่ำและความเสี่ยงสูง หากพบความเสี่ยงสูง แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล


5. ข้อดีของการตรวจ NIPT


- **ไม่เจ็บตัว**: ใช้เพียงตัวอย่างเลือดจากแม่

- **ตรวจสอบความผิดปกติได้หลายชนิด**: รวมถึงดาวน์ซินโดรม, เอ็ดเวิร์ดซินโดรม, และพาทัวซินโดรม

- **ผลรวดเร็ว**: รับผลภายใน 10 วันทำการ


6. ข้อห้ามในการตรวจ


- ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับเลือดหรือมีการปลูกถ่ายอวัยวะภายในเวลา 12 เดือนก่อนการตรวจ

- ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม

- ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีเซลล์มะเร็งในร่างกาย

- ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของโครโมโซมแต่กำเนิด

- ผู้ที่อายุครรภ์น้อยกว่า 10 สัปดาห์


7.มีผลข้างเคียงจากการตรวจหรือไม่


การตรวจทางการแพทย์ เช่น การเอกซเรย์หรือการทำ CT scan อาจมีผลข้างเคียงที่ควรทราบ โดยทั่วไปแล้วผลข้างเคียงเหล่านี้มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองในระยะเวลาอันสั้น


## ผลข้างเคียงจากการตรวจ


1. **อาการทั่วไป**:

  - อาการที่พบได้บ่อยหลังการตรวจ ได้แก่ **คลื่นไส้**, **อาเจียน**, **ปวดศีรษะ**, และ **ปวดกล้ามเนื้อ** ซึ่งมักจะมีอาการไม่รุนแรงและหายไปเอง


2. **อาการแพ้จากสารทึบรังสี**:

  - หากมีการใช้สารทึบรังสีในการตรวจ (เช่น การฉีดสารคอนทราสต์) อาจเกิดอาการแพ้ได้ เช่น **ตุ่มนูนคัน**, **เปลือกตาบวม**, หรือ **ปากบวม** โดยอาการแพ้ส่วนใหญ่จะเป็นเล็กน้อย แต่ในบางกรณีอาจเกิดอาการรุนแรง เช่น ความดันโลหิตต่ำ


3. **ผลกระทบต่อไต**:

  - อาการไม่พึงประสงค์ต่อไตจากการใช้สารทึบรังสีพบได้น้อยมาก โดยมีมาตรการป้องกันสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง


4. **ผลข้างเคียงจากรังสี**:

  - การทำ CT scan ใช้รังสี X ซึ่งสามารถทำลายโครงสร้างโมเลกุลในร่างกายได้ แต่ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งจากการตรวจ CT นั้นต่ำมาก หากอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย


## ข้อควรระวังหลังการตรวจ


- ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอเพื่อช่วยขับสารทึบรังสีออกจากร่างกาย

- สังเกตอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นหลังการตรวจทันทีหรือภายใน 7 วัน และหากมีอาการผิดปกติควรติดต่อแพทย์


8. มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือไม่


มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมของแม่ในระหว่างการตั้งครรภ์และภาวะสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ขอสรุปผลกระทบที่สำคัญได้ดังนี้:


## พฤติกรรมที่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์

1. **การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์**: การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างตั้งครรภ์สามารถทำให้ทารกมีพัฒนาการช้า มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดสูง และเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางร่างกาย

2. **ความเครียด**: ความเครียดในแม่ตั้งครรภ์อาจส่งผลให้ทารกเจริญเติบโตช้า และมีความเสี่ยงต่อการแท้งได้ เนื่องจากสารเคมีที่หลั่งออกมาจากร่างกายแม่

3. **การใช้ยา**: การใช้ยาที่ไม่เหมาะสมในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดความผิดปกติในทารก เช่น แขนขาพิการ หรือปากแหว่งเพดานโหว่


## ภาวะสุขภาพที่มีผลกระทบ

1. **ภาวะครรภ์เสี่ยงสูง**: แม่ที่มีภาวะครรภ์เสี่ยงสูงจะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด หรือทารกมีพัฒนาการผิดปกติ

2. **โรคประจำตัว**: แม่ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือความดันโลหิตสูง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งแม่และลูกน้อย


การตรวจ NIPT เป็นทางเลือกที่ทันสมัยและปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ เพื่อให้มั่นใจในสุขภาพของทารกในครรภ์และเตรียมตัวสำหรับอนาคตอย่างมั่นใจ


รีวิว

ติดต่อเรา

มุสิกา คลินิก

ปราจีนบุรี

เบอร์โทร

02-114-7710 (ศูนย์สุขภาพสตรี)
037-212-987 (กุมารเวชกรรม)
037-216-727 (ผิวพรรณและความงาม)

ที่อยู่

62/8-9 ถนนปราจันตคาม ต.หน้าเมือง อ. เมือง ปราจีนบุรี

เวลาทำการ

ศูนย์สุขภาพสตรี
17:00 - 20:00 อาทิตย์-ศุกร์
09:00 - 12:00 เสาร์
(หยุดวันพุธ)

กุมารเวชกรรม
17:00 - 20:00 จันทร์-ศุกร์

ผิวพรรณและความงาม
12:00 - 20:00 จันทร์-ศุกร์
10:00 - 20:00 เสาร์-อาทิตย