บทนำ
เนื้องอกในมดลูก (Uterine Fibroids) เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน เช่น การมีประจำเดือนผิดปกติ (AUB: Abnormal Uterine Bleeding) ความเจ็บปวด การกดเบียดอวัยวะอื่น ๆ รวมถึงปัญหาด้านการเจริญพันธุ์ เช่น ภาวะมีบุตรยาก หรือการแท้งซ้ำซ้อน ในปัจจุบันมีหลายแนวทางในการรักษาเนื้องอกในมดลูก ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจคือ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลผู้ป่วยโดยไม่ต้องผ่าตัด – หรือที่เรียกว่า “Game Changer” ของวงการแพทย์
ความสำคัญของการรักษาเนื้องอกในมดลูก
จากข้อมูลที่ปรากฏในคลิปกล่าวถึงว่า 1 ใน 4 ของผู้หญิงที่มีเนื้องอกในมดลูกจะประสบปัญหาการมีเลือดออกผิดปกติ ซึ่งเรียกว่า AUB (Abnormal Uterine Bleeding) และในบางประเทศ เช่น ตุรกี พบว่าผู้ป่วยถึง 37% มีปัญหาดังกล่าว อาการเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความไม่สบายตัว แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม เช่น ทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลีย มีภาวะโลหิตจาง (Anemia) และสูญเสียความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง:
- มีการอ้างถึงงานวิจัยในยุโรปที่สำรวจผู้หญิงกว่า 32,000 คน พบว่า 80% ของผู้หญิงที่มีปัญหาประจำเดือนผิดปกติมีสมาธิลดลงในช่วงวันมีประจำเดือน และทำให้เกิดแนวคิดเรื่องการให้ "วันลาพักประจำเดือน" เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อการทำงาน
ประเด็นนี้สะท้อนถึงความจำเป็นของการหาวิธีการรักษาที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดอาการ แต่ยังช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว
HIFU: เทคโนโลยีเปลี่ยนเกม
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) คือเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความเข้มสูงโฟกัสไปยังบริเวณเป้าหมาย – ในที่นี้คือเนื้องอกในมดลูก – โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือการเปิดแผล คลื่นเสียงจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่บริเวณเป้าหมาย ซึ่งทำให้เซลล์เนื้องอกถูกทำลายและยุบตัวลงในที่สุด
ข้อดีของ HIFU ได้แก่:
- ไม่มีแผลผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
- ลดระยะเวลาพักฟื้น ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้เร็วขึ้น
- ช่วยรักษาอวัยวะมดลูกไว้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ยังต้องการมีบุตร
- ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาสลบหรือยาชาเมื่อเทียบกับการผ่าตัดใหญ่
กลไกการทำงานของ HIFU
HIFU ใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง โดยเครื่องมือจะส่งพลังงานความร้อนเข้าไปที่จุดโฟกัสบนเนื้องอกในมดลูก โดยไม่กระทบเนื้อเยื่อปกติรอบข้าง คลื่นเสียงเหล่านี้ทำให้เกิดอุณหภูมิสูงในระดับที่สามารถทำลายโปรตีนในเซลล์เนื้องอก ซึ่งนำไปสู่การตายของเซลล์อย่างถาวร
กระบวนการนี้ถูกควบคุมด้วยระบบภาพ MRI หรือ Ultrasound ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติ
งานวิจัยที่สนับสนุน
ในสคริปต์ได้กล่าวถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ HIFU ซึ่งเน้นย้ำถึงผลลัพธ์ที่เป็นบวกต่อผู้ป่วย เช่น
- ผลกระทบต่อ Productivity: งานวิจัยในยุโรปที่สำรวจผู้หญิง 32,000 คน พบว่า AUB ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อร่างกาย แต่ยังลด productivity ในที่ทำงานถึง 80% การรักษาเนื้องอกด้วย HIFU ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตปกติได้
- การลดภาวะโลหิตจาง: การมีประจำเดือนมากผิดปกติ (Heavy Menstrual Bleeding) ซึ่งเป็นอาการหลักของเนื้องอกในมดลูก มักนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง (Anemia) HIFU มีผลช่วยลดอาการนี้ได้โดยตรง ทำให้ความจำเป็นในการถ่ายเลือดลดลง
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการตรวจวินิจฉัย
ก่อนการรักษาด้วย HIFU แพทย์จะต้องทำการประเมินความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากไม่ใช่ผู้ป่วยทุกรายที่สามารถรับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ การตรวจวินิจฉัยด้วย MRI หรือ Ultrasound เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อระบุขนาด ตำแหน่ง และลักษณะของเนื้องอก รวมถึงการวิเคราะห์ว่ามีข้อห้ามใดที่อาจทำให้การรักษาไม่ปลอดภัย เช่น การมีเนื้องอกที่อยู่ใกล้กับเส้นประสาทสำคัญหรืออวัยวะสำคัญอื่น ๆ
ความท้าทายและข้อจำกัด
แม้ HIFU จะเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น:
- ไม่เหมาะกับเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่หรือมีหลายก้อน
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาอาจสูงกว่าวิธีอื่นในบางกรณี
- ความพร้อมของอุปกรณ์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญยังจำกัดในบางพื้นที่
บทส่งท้ายของตอนที่ 1
ในตอนนี้ เราได้ทำความเข้าใจถึงปัญหาของเนื้องอกในมดลูก และบทบาทของ HIFU ในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษา แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดบางประการ แต่ HIFU ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างชัดเจน
ติดตามในตอนถัดไปที่เราจะลงลึกถึงผลลัพธ์ของการรักษาด้วย HIFU และวิธีการเปรียบเทียบกับการรักษาแบบดั้งเดิม เช่น การผ่าตัดมดลูก (Hysterectomy) รวมถึงคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่กำลังพิจารณาทางเลือกในการรักษา
การรักษาเนื้องอกมดลูกในปัจจุบันมีวิธีการที่หลากหลายมากขึ้นกว่าอดีตอย่างมาก จากการผ่าตัดเปิดหน้าท้องในอดีต พัฒนามาสู่การรักษาแบบ Non-Invasive ที่ลดการบุกรุกและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย เช่น การใช้ยาเฉพาะทาง หรือเทคนิคใหม่อย่าง HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในแวดวงการแพทย์
การรักษาเนื้องอกมดลูก: วิธีและความเหมาะสม
ในช่วงต้นของเนื้อหา ได้มีการกล่าวถึงแนวทางการรักษาเนื้องอกที่มดลูก โดยแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลักคือ การรักษาด้วยยา และการรักษาแบบไม่ใช้ยา:
1.การรักษาด้วยยา
ยาเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเบื้องต้นหรือไม่ต้องการผ่าตัด ยาที่ถูกนำมาใช้ ได้แก่:
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน: เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมน
- GnRH Analog: ใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอก (ซึ่งบางประเทศไม่มีให้บริการแล้ว)
- Selective Progesterone Receptor Modulators (UPA): ซึ่งกำลังมีความหวังว่าจะนำมาใช้ในประเทศไทย
- ยาลดการอักเสบและลดอาการปวด
2.การรักษาแบบไม่ใช้ยา
- HIFU: การใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง
- MRI-Guided Therapy: ใช้ภาพจาก MRI เพื่อกำหนดตำแหน่งการรักษา
- การฉีดสารอุดตันเส้นเลือด: เพื่อลดการไหลเวียนเลือดไปยังเนื้องอก
- Radiofrequency Ablation: การใช้พลังงานวิทยุเพื่อทำลายเนื้องอก
การจัดประเภทของเนื้องอก: ความสำคัญต่อการเลือกวิธีการรักษา
การรักษาเนื้องอกขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก ซึ่งจัดตาม FIGO Classification ตั้งแต่ Type 0 (อยู่ในโพรงมดลูกทั้งหมด) ถึง Type 8 (อยู่นอกมดลูก) ผู้หญิงหลายคนอาจมีเนื้องอกหลายตำแหน่งพร้อมกัน เช่นในตัวอย่างที่พบผู้ป่วยมีเนื้องอกหลายก้อนในมดลูกเดียวกัน ทำให้การเลือกวิธีการรักษาแต่ละกรณีต้องมีความระมัดระวัง
การพัฒนาสู่เทคโนโลยี HIFU
หนึ่งในวิธีการรักษาที่โดดเด่นในปัจจุบันคือ HIFU ซึ่งใช้คลื่นเสียงความถี่สูงพุ่งตรงไปยังเนื้องอก ทำให้เซลล์เนื้องอกถูกทำลายโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง แนวทางนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดแบบดั้งเดิมหรือไม่เหมาะสมกับการใช้ยา
ในการอภิปรายครั้งนี้ หมอได้ชี้ให้เห็นว่า HIFU มีข้อดีที่ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการคงความสามารถในการมีลูกไว้ หรือมีข้อจำกัดในการใช้วิธีอื่น
ความท้าทายของ HIFU
อย่างไรก็ตาม การรักษาโดย HIFU อาจไม่ตอบสนองในผู้ป่วยทุกคน หมอได้กล่าวถึงข้อมูลการตอบสนองต่อ HIFU ที่ประมาณ 67-70% ของผู้ป่วยทั้งหมด ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่รักษาแล้ว แต่ยังคงมีมดลูก อาจมีความเสี่ยงที่เนื้องอกจะกลับมาเกิดใหม่
บทส่งท้าย
การเลือกวิธีการรักษาเนื้องอกที่มดลูกไม่ได้มีคำตอบเดียว ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ตำแหน่ง ขนาด และความพร้อมของผู้ป่วย และในตอนนี้เรายังอยู่ในระหว่างการสำรวจรายละเอียดการทำงานของ HIFU และผลลัพธ์ของการรักษานี้ ติดตามตอนต่อไปใน Ep.3 ที่จะเจาะลึกการทำงานของ HIFU และเปรียบเทียบกับวิธีการรักษาอื่นๆ
การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรักษาเนื้องอกในมดลูก
ในอดีต การรักษาเนื้องอกในมดลูกต้องผ่านการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ซึ่งเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูงและต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ต่อมาได้พัฒนามาเป็นการผ่าตัดผ่านกล้อง และในปัจจุบัน เราสามารถใช้เทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้การรักษามีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยแพทย์สามารถนั่งควบคุมเครื่องมือเพื่อทำลายเนื้องอกได้อย่างแม่นยำ
หลักการทำงานของ HIFU
HIFU ทำงานโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (High-Intensity Ultrasound) ซึ่งถูกส่งออกมาจากตัวเครื่องไปยังบริเวณเนื้องอก คลื่นเสียงจะรวมตัวกันที่จุดโฟกัสและสร้างความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 65-100 องศาเซลเซียส ความร้อนนี้จะทำลายเนื้อเยื่อของเนื้องอกโดยไม่กระทบกับเนื้อเยื่อปกติรอบๆ
ขั้นตอนเริ่มจากการให้ผู้ป่วยนอนคว่ำบนเตียงตรวจ ตัวส่งคลื่นเสียง (Transducer) จะถูกวางตำแหน่งใต้ร่างกายเพื่อส่งพลังงานไปยังเนื้องอก โดยแพทย์จะควบคุมเครื่องมือและติดตามผลผ่านหน้าจอ ซึ่งสามารถปรับแต่งและตรวจสอบตำแหน่งการรักษาได้แบบเรียลไทม์
จุดเด่นของ HIFU
- ไม่ต้องผ่าตัด: ผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดใหญ่และไม่ต้องพักฟื้นนาน
- ความแม่นยำสูง: คลื่นเสียงสามารถทำลายเนื้องอกได้ในระดับเซลล์ โดยจุดโฟกัสของคลื่นมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร
- ลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อปกติ: คลื่นเสียงทำลายเฉพาะบริเวณเนื้องอก โดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อมดลูกส่วนอื่น
ข้อจำกัดและความเหมาะสมของผู้ป่วย
HIFU ไม่สามารถใช้ได้กับเนื้องอกทุกชนิด โดยเฉพาะเนื้องอกที่มีลักษณะบางอย่าง เช่น ก้อนที่อยู่ห่างจากตัวมดลูกมาก หรือมีโครงสร้างไม่เหมาะสม การรักษาจะต้องผ่านการตรวจ MRI เพื่อตรวจสอบขนาดและตำแหน่งของเนื้องอกก่อนเริ่มการรักษา
ผลลัพธ์หลังการรักษา
หลังจากการรักษาด้วย HIFU ก้อนเนื้องอกจะค่อยๆ ฝ่อลงหรือมีขนาดเล็กลงถึง 67% ในบางราย การใช้ HIFU ยังช่วยรักษามดลูกไว้ ทำให้ผู้ป่วยยังสามารถตั้งครรภ์ได้ โดยมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้:
- จากผู้ป่วยที่ใช้ HIFU จำนวน 771 ราย มีการตั้งครรภ์สำเร็จ 82%
- ส่วนใหญ่ตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติ และบางรายใช้วิธีเด็กหลอดแก้ว (IVF)
สรุป
HIFU เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาเนื้องอกในมดลูกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดและยังคงต้องการรักษาความสามารถในการตั้งครรภ์ไว้ อย่างไรก็ตาม การรักษานี้ต้องพิจารณาความเหมาะสมของเนื้องอกแต่ละรายและต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
****************************
ความเชี่ยวชาญอื่นๆของ นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์
ให้คำปรึกษา และรักษา
- ฉีดสีประเมินท่อนำไข่(HSG)
- ตรวจน้ำเชื้อ(Semen analysis)
- เจาะฮอร์โมนสตรี เช่น AMH, FSH, LH, E2, P4
- ประเมินเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก ด้วย MRI
- ปรับพฤติกรรม และให้ยาในคนไข้ PCOS ที่มีภาวะอ้วน
- แก้หมัน(เปิดหน้าท้อง,ผ่านกล้อง)
- ฉีดเชื้อ(IUI)
- เด็กหลอดแก้ว(IVF, IVF-ICSI)(ให้คำปรึกษา)
- ผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูกผ่านกล้อง
- ผ่าตัดเนืองอกกล้ามเนื้อมดลูกผ่ากล้อง
- ผ่าตัดเลาะพังผืดผ่านกล้อง
- ผ่าตัดถุงน้ำที่รังไข่ด้วย CO2 laser
- ให้คำปรึกษาการรักษาเนื้องอกมดลูกด้วย HIIFU, Microwave, RF